รัฐบาลแถลงไทยถูกโจมตีจากกัมพูชา

(2011-02-07 17:56:02 น.)
รัฐบาลแถลงไทยถูกโจมตีจากกัมพูชา
รัฐบาลแสดงความเสียใจกับการสูญเสียจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา พร้อมย้ำว่าไทยถูกโจมตีจากกัมพูชาจึงสมในเหตุและผลที่จะโต้ตอบกลับ อีกทั้งจะสงวนสิทธิ์แก้ปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นแบบทวิภาคีต่อไป

รัฐบาลมอบหมายให้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก , รศ.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและรักษาการโฆษกรัฐบาล และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงในนามรัฐบาล ทั้งนี้พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ปะทะระหว่างกองกำลังกัมพูชาและสุรนารี ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ถึงปัจจุบันว่าเหตุปะทะเริ่มต้นจากกัมพูชาจึงทำให้ไทยต้องตอบโต้กลับภายใต้หลักสากลตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบกที่ให้ตอบโต้ด้วยความเหมาะสมกับสถานการณ์ จนกระทั่งมีการเจรจาระดับผู้บัญชาการทหารระดับสูงสุดของทั้ง 2 ประเทศจนนำมาซึ่งข้อตกลงหยุดยิง 4 ข้อ แต่ทางกัมพูชาก็ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจนทำให้มีการปะทะกันอีกในระลอกที่ 3 ทั้งนี้ความเสียหายจากการปะทะกันโดยสรุปมีทหารได้รับบาดเจ็บ 25 นาย เสียชีวิต 1 นายและประชาชนเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่มีการอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและส่งชุดปฏิบัติการสนามรบภาคพลเรือนเข้าไปดูแลและอพยพประชาชนมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงมีการขัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเข้าไปดูแลทรัพย์สินของประชาชน

นอกจากนี้ตรวจสอบพบว่ามีทหารไทยพลัดหลงไปในกัมพูชา 1นาย จากการพูดคุยกับทางกัมพูชายินดีจะส่งตัวกลับ และตามอนุสัญญาเจนีวาถือว่ามีการปะทะกันและควบคุมทหารฝ่ายตรงข้ามได้ให้ถือเป็นเชลยศึกที่ต้องปล่อยตัวเมื่อเหตุการณ์สงบหรือสามารถเจรจากันได้ไม่สามารถนำตัวขึ้นศาลได้ ซึ่งทางการไทยก็จะยึดข้อตกลงดังกล่าวในการเจรจากับกัมพูชา พร้อมยืนยันไม่มีพื้นที่ใดที่กัมพูชาเข้ามายึดครองตามที่มีข่าว โดยพื้นที่ต่างๆในอาณาเขตไทยเจ้าหน้าที่ยังคงรักษาพื้นที่ไว้ได้ พร้อมยืนยันการปฏิบัติการของไทยทำด้วยความสมศักดิ์ศรี โดยไม่ได้รุกรานใครก่อนและตอบโต้ตามความจำเป็น และเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปะทะกันตามแนวชายแดนไม่ใช่สงคราม ซึ่งมาตรการในการตอบโต้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมารสุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศว่าได้ทำอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ได้เชิญทูตจาก 16 ประเทศ ทั้งในภูมิภาคอาเซียนและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและในกรรมการมรดกโลกเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง โดยย้ำว่าไทยไม่ได้เป็นการรุกรานกัมพูชาและได้มีการตอบโต้เนื่องจากถูกละเมิดอธิปไตย นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้โทรศัพท์พูดคุยหาทางออกกับนายฮอร์นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา โดยจะมีการจัดประชุมเจบีซีในปลายเดือนนี้ และเตรียมข้อมูลชี้แจงต่อประธานอาเซียนที่จะเดินทางมารับฟังข้อมูลในวันพรุ่งนี้ (8ก.พ.)โดยย้ำว่าการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และเป็นการรับฟังข้อมูล

ขณะเดียวกันมีการทำหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก เพื่อชี้ให้เห็นว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในพื้นที่พิพาทเป็นปมปัญหาการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงไม่ควรดำเนินการต่อ ซึ่งล่าสุดได้ทำหนังสือตอบโต้แถลงการณ์สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่นคง โดยยืนยันไทยถูกรุกรานโดยกัมพูชาก่อนและกัมพูชาไม่มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง โดยเชื่อว่าการดำเนินการทำหนังสือของสมเด็จฮุนเซนทั้งที่ยังมีการปะทะกันอยู่ มีเจตนาแอบแฝงหวังขยายผลสู่เวทีนานาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าปัญหาทั้งหมดจะยุติได้ โดยการเจรจาแบบทวิภาคีและเดินหน้าด้วยกลไกเจบีซี ซึ่งเชื่อว่าทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะเข้าใจ

ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่ชี้แจงข้อมูลไปยังนานาประเทศและมิตรประเทศในทุกระดับ เพราะมีการพยายามปรักปรำว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นการปะทะ และขอสงวนสิทธิ์การแก้ไขปัญหาด้วยทวิภาคี โดยเชื่อมั่นว่า 2 ประเทศสามารถแก้ไขปัญหาได้ พร้อมยืนยันกับประชาชนว่ารัฐบาลจะเร่งคลี่คลายปัญหาโดยเร็วเพื่อให้ประชาชนกลับเข้าภูมิลำเนาได้ตามปกติ ขณะเดียวกันมีการตั้งศูนย์ประสานงานทางการข่าว 2 จุด คือกองทัพบก โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่จะแถลงชี้แจงสถานการณ์ข่าวเพียงช่องเดียว และที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพ.อ.สรรเสริญได้ขอความร่วมมือการบันทึกภาพที่ตั้งหน่วยทหารและการบัญชาการรบจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในยุทธวิธีรวมถึงภาพบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้นายปณิธานยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่คาดฝันและพยายามแก้ไขปัญหาโดยการเจรจรและพยายามจำกัดวงให้เป็นเรื่องของ 2 ประเทศ